สรุปกันอีกครั้งกับเนื้อหา Elliott Wave ที่คาใจกันแบบ งงๆ
จากงานสัมมนาครั้งที่ 2 เพื่อเตรียมตัวเข้าสัมมนา Workshop ครั้งที่ 3 (ขยายที่นั่งเพิ่มด่วน!)
จากงานสัมมนาครั้งที่ 2 เพื่อเตรียมตัวเข้าสัมมนา Workshop ครั้งที่ 3 (ขยายที่นั่งเพิ่มด่วน!)
บทความนี้จะสรุปเนื้อหาที่สำคัญจากงานสัมมนาที่ผ่านมา รวมทั้งรวบรวมคำถามและปัญหายอดฮิตจากผู้เข้าสัมมนาในงาน “ เลิกมึน เลิกมั่ว เลิกมโน Elliott Wave … สักที! ” ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้สัมมนาได้ศึกษาบทความและเตรียมความพร้อมสำหรับงานสัมมนา Workshop ครั้งถัดไป ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 ก.พ.61 (ขยายที่นั่งเพิ่มเติมด่วน!)
1. รหัสคลื่นย่อยภายในของ Correction Wave ไม่ได้บ่งบอกถึงจำนวนคลื่นย่อย แต่บอกถึงประเภทของสถานะคลื่นที่สามารถเกิดขึ้นได้ใน Correction Wave
เช่น โครงสร้าง Correction Zigzag รหัสคลื่นย่อยภายในคือ 5-3-5 หลายคนอาจมีความเข้าใจว่ารหัสคลื่นย่อยภายในดังกล่าวหมายถึงจำนวนคลื่นย่อยที่ต้องเกิดกับ Correction Zigzag คือ
a= 5 คลื่น , b= 3 คลื่น, และ c = 5 คลื่น
ซึ่งแท้จริงแล้วรหัสคลื่นย่อยภายในที่ทฤษฎีได้กำหนดขึ้นนั้น บ่งบอกถึงประเภทของของสถานะคลื่น ไม่ได้บอกถึงจำนวนคลื่นย่อยอย่างที่หลายคนเข้าใจ
Correction Zigzag ที่ทฤษฎีได้กำหนดรหัสคลื่นย่อยภายใน 5-3-5 แท้จริงแล้วหมายความว่า คลื่น a และคลื่น c ต่างก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในสถานะประเภทเทรน (Impulse Wave หรือ Non Standard Correction Small x Wave) ส่วนคลื่น b สามารถเกิดขึ้นได้ในสถานะ Side Way นั่นเอง (Standard Correction หรือ Non Standard Correction large X Wave)
2. Irregular Flat หัวข้อนี้ผมสอนผิดครับ ต้องขออภัย !
เดิมที่สอนไปคือ Irregular Flat คลื่น C ต้องมีความยาว 101-161.8% of a ในรูปแบบ Internal
แต่ที่ถูกต้องคือ คลื่น C ต้องมีความยาว 101% ของคลื่น b แต่จะไม่มีความยาวเกิน 161.8% of a ในรูปแบบ Internal จุดนี้ผิดพลาดต้องขออภัยด้วยครับ
3. Correction Flat หากคลื่น C ยาวจะต้องคำนวณสัดส่วนคลื่น C จากคลื่น B เสมอ ยกเว้นรูปแบบ Irregular Flat ที่คลื่น C ต้องคำนวณสัดส่วนความยาวของคลื่น A เพราะเหตุใด
จากที่ผมศึกษาทฤษฎี ทฤษฎีก็ไม่ได้ระบุเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงคำนวณสัดส่วนคลื่น C จากความยาวคลื่น A ในรูปแบบ Irregular Flat แต่จากการพิจารณามุมมองส่วนตัวของผมแล้วlk,ki5อธิบายเหตุผลได้ 3 ข้อดังต่อไปนี้
ข้อ 1. รูปแบบ Strong B คลื่น C มักจะมีความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น"ราคา"หรือ"เวลา" เมื่อเทียบกับคลื่น A
ข้อ 2. รูปแบบ Irregular Correction คลื่น B ทำ New High และ New Low (สูงและต่ำกว่าคลื่น A ) ในอัตราส่วนที่ไม่มาก จึงถูกหักล้างกันกลายเป็นรูปแบบ Common Flat (C=A)
คำถาม แล้วรู้ได้อย่างไร ?
คำตอบ พิจารณาข้อถัดไปเลยครับ
ข้อ 3. เมื่อเกิดคลื่นขยาย (Extension) ที่มีปัจจัยเกิดจากการปรับตัวในรูปแบบ Irregular Flat จะมีผลลัพธ์ของคลื่นขยายเท่ากับการปรับตัวของ Common Flat นั่นเอง
4. ย้ำกันอีกครั้ง การใช้อินดิเคเตอร์สำหรับช่วยนับสถานะคลื่นเอลเลียต (Elliott Wave )
จำเป็นต้องทราบให้แน่ชัดว่า สถานะคลื่นดังกล่าวเคลื่อนที่ในรูปแบบ Impulse Wave หากเคลื่อนที่ในรูปแบบอื่น จะไม่สามารถนำอินดิเคเตอร์มาช่วยในการนับสถานะคลื่นได้
5. ย้ำกันอีกครั้ง (รอบที่ 2) สถานะคลื่นเอลเลียตไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นนับคลื่นด้วยสถานะคลื่น 1234 และ 5
หากทรงคลื่นนั้นเคลื่อนที่ผิดกฎ Impulse Wave จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบการนับเป็น Correction Wave หรือ Non Standard Correction Wave แทน ซึ่งอัตราส่วนและเป้าหมายตามทฤษฎีจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วย
<<< สิ่งที่ผู้เข้าสัมมนา Workshop รอบ 3 ต้องเตรียมตัว >>>
2. จดจำอัตราส่วน % Retrace และ % Target ให้ไดทุกรูปแบบ
3. สามารถคิดคำนวณเป็น รวมทั้งสามารถใช้เครื่องมือฟีโบนักชีอย่างถูกต้องตามทฤษฎี
4. ฝึกฝนการสร้างกรณีสมมติฐาน เงื่อนไขต่างๆอย่างหลากหลายโดยอิงกับทฤษฎี
5. ประเมินความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมจาก "แบบฝึกหัดนับคลื่นหุ้น" คลิ๊กที่นี่
6. ศึกษา VDO Youtube หลักการวิเคราะห์ สอน Elliott Wave กับดัชนี SET Index ชุดที่ 1-6 คลิ๊กที่นี่
7. ศึกษาบทความ ตัวอย่างการวิเคราะห์คลื่นเอลเลียตกับทองคำ (Gold Spot) คลิ๊กที่นี่
โต่งเต่ง
11/1/61