มหากาพย์! เถียงกันไม่รู้จบ 9 ปัญหาโลกแตกของ ทฤษฎี Elliott Wave ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากที่สุด
( ภาค 1 )
1. คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?
เทคนิคการนำมาใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง” คือ Terminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5 เนื่องจากคลื่น 5 คือ ชุดคลื่นสุดท้ายและหลังจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ Overlap (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมที่จะย่อลงมาเป็น Correction Wave นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังกล่าวเป็น Sub Wave เช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นกัน
Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่ถือว่าเป็น Impulse Wave นะครับเนื่องจากโครงสร้างภายในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จัดเป็น Motive Wave
2. Elliott Wave บอกแผนที่ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง จริงหรือ?
อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น Correction ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นจำเป็นต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เช่นเดียวกับ Elliott Wave ความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นเท่าไหร่ จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับบริบทการฟอร์มตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปมีโอกาสเคลื่อนที่ไปได้มากน้อยเพียงใด
แต่ใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกเป้าหมายราคาเท่าไหร่ เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องนะครับ เราจำเป็นต้องเข้าไปวิเคราะห์องค์ประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าชุดคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสเคลื่อนที่ครบ Cycle ณ เป้าหมายตามที่ทฤษฎีได้ระบุไว้หรือไม่
3. แนวทับซ้อนคือเป้าหมายของราคา ใช่หรือ ?
คำถามคือ ถ้ามีแนวทับซ้อนกันหลายแนว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแนวไหนเป็นแนวรับ แนวต้านของจริง?
ตอบ สถานะคลื่นภายในต่างหากที่เป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการพิจารณา ว่าการกลับตัวของราคานั้นควรเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อคลื่นย่อยเคลื่อนที่ครบสถานะคลื่น เช่น แนวทับซ้อนฟีโบอยู่ที่ 2 บาท แต่สถานะคลื่นย่อยที่ขึ้นประทะราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนที่ไม่ครบสถานะคลื่นย่อยภายใน ลักษณะเช่นนี้แนวทับซ้อนของฟีโบที่ 2 บาทก็ไม่สามารถเป็นแนวต้านของจริงได้
4. การนับคลื่น(ย่อย) คือ ความ มโน !
การนับคลื่น คือ ข้อมูลเชิงคุณภาพนะครับลองพิจารณาดูดีๆ ถึงแม้มี Key Word ขึ้นต้นด้วยคำว่า “การนับ” แต่อย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบคุณ อาจจะนับคลื่นไม่เหมือนในแบบของคนอื่นก็ได้ ดังนั้นจะนับคลื่นอย่างไร ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน คือ
1.ใช้อัตราส่วนทางทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงในการนับคลื่น เช่น จะนับคลื่น 2 ได้หรือไม่นั้นเราก็ต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับตัวได้เข้าเงื่อนไขตามทฤษฎีแล้วหรือยัง เป็นต้น
2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากอินดิเคเตอร์ช่วยนับคลื่น เช่น จากเทคนิค การนับคลื่น Elliott Wave ของผมจะใช้สัญญาณ Divergence จากตัวเคลื่อนที่ช้า และ Hidden Divergence จากตัวเคลื่อนที่ไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น เนื่องจากสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น Divergence หรือ Hidden Divergence นั้น สามารถเปรียบเทียบหรือวิเคราะห์ผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้
3. สร้างสมมติฐานเงื่อนไขในการวิเคราะห์ที่อิงกับทฤษฎี เช่น สมมติเรานับสถานะคลื่นได้ 1 กรณี เราควรต้องวิเคราะห์ให้ได้ต่อ ว่ารูปแบบดังกล่าวสามารถวิเคราะห์แยกย่อยเพิ่มเติมได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนยืนยัน, อิงทฤษฎีข้อไหน, และเพราะอะไร รวมทั้งผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถเคลื่อนที่ไปยังทิศทางไหนได้บ้าง เป็นต้น
หากคุณใช้องค์ประกอบเทคนิค 3 ข้อในการนับคลื่นดังกล่าวที่ผมแนะนำ ผลการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงปริมาณมากกว่าข้อมูลเชิงคุณภาพและส่งผลให้การนับคลื่นของคุณ ลดความมโน นั่นเอง
5. จริงหรือ! Divergence คือ คลื่น 5
การใช้สัญญาณอินดิเคเตอร์เพื่อช่วยในกาวิเคราะห์สถานะคลื่นเป็นเพียงเทคนิคมุมมองที่นำมาประยุกต์ในการนับคลื่นให้ง่าย และรวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกต้องเสมอไป เราจำเป็นต้องใช้กฎและอัตราส่วนตามทฤษฎีในการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก
6. Elliott Wave ( ไม่ ! ) จำเป็นต้องเริ่มนับ 12345
7. Level ฟีโบ ไม่ได้มีไว้ให้ราคาไปสัมผัสแล้ว “ มโน ” ว่านั่นคือเป้าหมาย
8. Elliott Wave นับยังไงก็ได้ 10 คนนับ ก็ได้ 10 แบบ
9. Elliott wave ยากที่จะเรียนรู้ เทรดแบบง่ายๆได้ตังค์ ก็พอ !
Elliott Wave เป็นทฤษฎีที่ยากไม่มีใครอยากจะเสียเวลาเรียนรู้หรอก แต่ด้วยปัญหาการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่สามารถตอบโจทย์ให้เหตุและผลที่เพียงพอต่อการวิเคราะห์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเข้ามาศึกษาทฤษฎี Elliott Wave อย่างจริงจัง
หนึ่งในบทความ สอน Elliott Wave ของ " มโน-เวฟ ดอท คอม " หากท่านต้องการศึกษาหลักทฤษฎีการ เรียน Elliott Wave เชิงลึกแนะนำศึกษาคลิปวิดีโอยูทูปบันทึกการเทรด สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรในสภาวะตลดจริงควบคู่กับศึกษา หนังสือ Elliott Wave ผลงานเขียนของผมชื่อ "เล่นหุ้นอย่างไร ไม่มโน" ก็จะทำให้เข้าใจมุมมองความรู้ที่ผมถ่ายทอดได้มากขึ้นครับ
-โต่งเต่ง-
3 ส.ค. 60